วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

"หนังเด่นโดนใจ" ในรอบครึ่งปีแรก 2009


"หนังเด่นโดนใจ" ในรอบครึ่งปีแรก 2009 

เผลอแปบเดียวปี 2009 ก็ล่วงเลยมาครึ่งทางสะแล้ว ท่ามกลางหนังจำนวนมากที่ผ่านตามาก็นับว่ามีทั้งที่เป็นหนังฟอร์มใหญ่ที่ถูกใจสมการรอคอยบ้าง หรือผิดหวังบ้าง และ หนังฟอร์มเล็ก ที่ไม่คิดว่าจะทำออกมาได้ดีบ้าง ส่วนตัวเลยถือโอกาสครึ่งปีนี้ รวบรวม “หนังเด่นโดนใจ” 20 อันดับของตัวเองไว้สะเลย ส่วนจะมีเรื่องอะไรบ้างนั้นก็ไปดูกันเลยดีกว่า

(ทุกเรื่องนับใช้เกฑณ์เป็นหนังที่ฉาย หรือ ลงแผ่นในบ้านเราช่วงครึ่งปีแรก 2009 นี้ครับ)




1.Yes Man


Yes Man หนังเข้าฉายในช่วงปีใหม่และก็เป็นหนังเรื่องแรกที่ผมได้ดูในโรงฯปีนี้ ตัวหนังผมว่าสนุกและมีแง่คิดพอสมควร ที่สำคัญก็คือมันเป็นหนังที่ดูสนุกในรอบหลายปีของ Jim Carrey ขวัญใจของผมตั้งแต่วัยเด็ก จำได้ว่าดูหนังของ Jim Carrey มาตั้งแต่เด็กๆ ทั้ง Ace Ventura: Pet Detective (1994) , The Mask (1994) และ Dumb & Dumber (1994) จนมาถึงหนังเรื่องนี้ และก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ ตัวหนังมีมุกฮาๆ บทสนทนาดีๆ และฉากซึ้งๆกระจายอยู่แทบทั้งเรื่อง นอกจากนี้นางเอกสาว “Zooey Deschanel” ก็ทำให้ผมหลงเธอไปเลยหลังดูหนังเรื่องนี้จบ นับว่าเปิดปีมาก็เจอหนังดีๆเรื่องแรกเลยก็ว่าได้




2.Revolutionary Road


ไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะแค่การแสดงของ "Kate Winslet" และ "Leonardo DiCaprio" ทั้งสองคนก็ทำให้ลุกไปไหนไม่ได้แล้วครับ !





3.The Curious Case of Benjamin Button


“David Fincher” ทำหนังแนวชีวิตเข้มข้นปนแฟนตาซีเรื่องนี้ออกมาได้ดีจนน่าแปลกใจครับ ตัวหนังให้อารมณ์เหมือน Forrest Gump และที่แน่ๆคือการแสดงของ “Brad Pitt” ที่นอกจากหล่อแล้วยังแสดงได้เยี่ยมอีกด้วย สิ่งที่ได้จากหนังเรื่องนี้คือที่สำคัญจริงๆไม่ใช่ “เงื่อนไขชีวิต” แต่เป็นการเลือก “ดำเนินชีวิต” มากกว่า คนเราไม่สามารถอยู่ค้ำฟ้าได้ อายุไม่ว่าจะมากขึ้นทุกวัน หรือ น้อยลง ทุกวัน มันไม่สำคัญไปกว่าการที่ วันนี้เราได้เลือกเส้นทางชีวิตที่ต้องการหรือยัง เราได้ทำอะไรเพื่อตัวเองหรือคนรอบกายบ้างหรือยัง เพราะผลจากสิ่งเหล่านั้นคือ “ความสุข และ ความรัก” ที่เป็นสิ่งที่จะอยู่เหนือกาลเวลาและไม่มีวันล่วงเลยไปตามอายุ แต่ถ้ามองข้ามไปชีวิตก็คงไม่ต่างไปจากนาฬิกาที่ทำงาน แต่ไม่เคยได้นำมาดูเวลาเลย... 




4.Confessions of a Shopaholic


“Isla Fisher” สวมบทเป็นตัวละคร รีเบ็กก้า บลูมวู้ด น่ารักน่าชังเป็นที่สุด กับสาวนักสวยที่รักการช็อปฯเป็นชีวิตจิตใจจนต้องเจอกับปัญหาครั้งใหญ่ เนื้อหาดูสนุกพอควรครับ แต่ที่ชอบที่สุดในเรื่องก็คงไม่พ้นเสน่ห์ของนางเอกเรานี่แหละ !




5.The Wrestler


“Mickey Rourke” สะกดผมอย่างอยู่หมัดตั้งแต่ฉากแรกจนถึงฉากสุดท้ายในหนังเรื่องนี้ ตัวละคร “แรนดี เดอะ แรม โรบินสัน” กลายเป็นตัวละครที่น่าจดจำไม่ต่างกัน หลายสิ่งหลายอย่างในหนังเรื่องนี้ทำได้ออกมาอย่างยอดเยี่ยมทั้งบท และดนตรีประกอบ โดยเฉพาะเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ไพเราะมาก บวกกับ “ฉากจบ” ของเรื่องที่ตรึงใจสุดๆครับ

ปล.ฉากที่ตัวละคร แรนดี พูดคุยกับลูกสาว สเตฟานี่ ที่สวนสนุกเก่าทำเอาน้ำตาซึมไปเลยครับ ไร้ที่ติจริงๆทั้งอารมณ์ของหนัง และการแสดงของ “Mickey Rourke” กับสาว “Evan Rachel Wood”




6.Valkyrie


แม้จะรู้บทสรุปของหนังอยู่แล้ว แต่ผู้กำกับ “Bryan Singer” ก็ยังนำเสนอหนังเรื่องนี้ได้ตื่นเต้น และน่าติดตามมากๆ“Tom Cruise” เป็น นายพันเอกเคล้าส์ ฟอน สเต๊าฟ์เฟนแบร์ก ได้อย่างสมจริงและดูน่าเชื่อถือสุดๆ ในการปฏิบัติการลอบสังหารสะท้านโลกในการกำจัดชายที่ขึ้นชื่อว่าบ้าอำนาจและโหดร้ายที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมานาม ฮิตเล่อร์ ! ตัวประกอบคนอื่นๆก็เล่นได้ดีมากเช่นกัน บวกกับความ “ขึงขัง” ที่มีอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ทำให้ Valkyrie เป็นหนังที่โดนใจอีกเรื่องในครึ่งปีแรกได้ไม่ยากครับ

ปล.หลังดูหนังจบ ก็แอบไปหาข้อมูลเพิ่มจากเวบต่างๆ ยิ่งทำให้ตะลึงขึ้นหลังรู้ว่าทำไม ฮิตเล่อร์ ถึงไม่ตายในฉากนั้น !!!





7.Doubt


“Meryl Streep” “Philip Seymour Hoffman” “Amy Adams” รวมไปถึง “Viola Davis” แสดงฝีมือประชัดกันอย่างถึงพริกถึงขิงในหนังเรื่องนี้ ตัวหนังดำเนินเรื่องแบบไปเรื่อยๆ แต่ก็น่าติดตามในตัว ใครที่ชอบการแสดงขั้นเทพของนักแสดงดีๆคงไม่พลาดหนังเรื่องนี้เป็นแน่

ปล. นอกจากความน่ารักสดใสของ “Amy Adams” แล้ว ฉากการระเบิดอารมณ์ใส่กันระหว่าง“Meryl Streep” กับ “Philip Seymour Hoffman” ในห้องก็ถือว่าสะกดคนดูได้เช่นกัน




8.Marley & Me


เรื่องราวของสุนัขลาบาดอร์นาม Marley กับเจ้าของทั้งสองของมันที่รับบทโดย “Jennifer Aniston ” และ“Owen Wilson” ครับ ปกติผมเป็นคนที่ไม่ค่อยสุนัขมากสะเท่าไหร่นัก ( จขบ. เป็นคนชอบแมวสะมากกว่า) แต่หลังดูหนังเรื่องนี้จบสิ่งที่ได้คือความรู้สึกดีๆจากหนังเรื่องนี้ครับ “ความรัก” ระหว่างเจ้า Marley กับเจ้านายของมันตั้งแต่มันยังเป็นลูกสุนัขตัวน้อย จนไปถึงเป็นเพื่อนเล่นให้เจ้านายยามเหงา เป็นพี่เลี้ยงคอยเล่นกับลูกๆของพวกเขา ตลอดจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตมันที่อยู่กับครอบครัวนี้ ทั้งหมดถูกถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างลงตัวและประทับใจพอควรเลยครับ ยิ่งครึ่งหลังของหนังนี่เล่นเอาน้ำตาซึมไปหลายฉากเลย




9.Slumdog Millionaire


เจ้าของราววัลออสการ์ “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” ปีล่าสุด เป็นหนังที่ดูสนุก และ ทำให้รู้สึกถึงหลายๆเรื่องที่ผ่านมาในชีวิตของตัวเองหลังดูจบครับ ทั้งตัวหนังยังให้ความรู้สึก “ดี” มากๆด้วยหลังดูจบ แต่ก็หวังว่าผู้กำกับ Danny Boyleจะยังไม่ทิ้งงานกำกับหนังอย่าง 28 Days Later...(2002) หรือ Sunshine (2007) ไปสะก่อนละ เพราะพี่แกทำหนังแนวนี้ได้เยี่ยมไม่แพ้หนังรางวัลเลยทีเดียว




10.Star Trek


The Dark Knight แห่งปี 2009 ด้วยความ “ยอดเยี่ยม” ในทุกด้าน

“เจ.เจ. อับรามส์” นำเสนอโลกของ Star Trek ได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นการปลุกกระแส “เทร็กกี้” ให้กระหึ่มโลกอีกครั้ง ตัวหนังสามารถนำฉากแอกชั้นชุดใหญ่มาผสมกับดราม่าดีๆได้อย่างลงตัว และส่วนตัวยกให้เป็นเพียงเรื่องเดียวในครึ่งปีแรกของปี 2009 ที่ทำได้ขนาดนี้ ด้านนักแสดงทั้ง “Chris Pine” และ ไซล่าห์ เอ้ย... “Zachary Quinto”เล่นได้ธรรมชาติมากสะด้วย แถมตัวประกอบก็ล้วนเป็นดาวรุ่งมาแรงทั้งสิ้น




11.Angels & Demons


ตัวหนังดู “ขึงขังชวนให้ติดตาม” กว่า The Da Vinci Code มากทั้งในแง่ของ “เนื้อหา” “การนำเสนอ” “นักแสดงนำ” และ “ดนตรีประกอบ” ที่ลงตัว ที่สำคัญทรงผมของศาสตราจารย์โรเบิร์ต แลงดอนดู “ดี” ขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก !?




12.Ip Man


สารภาพตามตรงว่าตอนเห็นชื่อหนังเรื่องนี้ครั้งแรกอ่านเป็น I P Man (ไอ พี แมน) ก็เลยแอบงงว่าเป็นหนังไซไฟกังฟูหรือยังไง จะมารู้ตัวว่าอ่านว่า “ยิปมัน” ก็ตอนที่หนังลงแผ่นในบ้านเรานี่แหละ โดยหนังได้ “ดอนนี่ เยน” (เจิ้งจื่อตัน) มารับบทเป็นเจ้าของชื่อเรื่อง ยิปมัน อาจารณ์มวยหยงชุนที่โด่งดัง ที่มีชีวิตอยู่ระหว่างปี 1893 – 1972 ที่มีตัวตนอยู่จริงๆ และมีลูกศิษย์ในสำนักมวยจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือตำนานของเอเชียนาม “บรูซ ลี” !!

ด้านตัวหนังนั้นให้อารมณ์เดียวกับหนังอย่าง Fearless และ ไอ้หนุ่มซิงตึ้ง ฯ ของ Jet lee ครับ ประมาณสร้างความหึกเฮิมให้กับผู้ชม ด้วยเนื้อเรื่องที่เชิดชูกังฟู และชนชาติจีน บวกกับฉากแอกชั่นหมัดมวยที่ “มันส์” ชนิดที่ไม่มีมาให้เห็นนานมากแล้วครับ (ยืนยันความสนุกและบู๊ดุเดือดโดย จขบ. ด้วยการดูไปแล้ว 3 รอบ !) และทำให้เกิดอาการอยากให้ฮ่องกงกลับมาสร้างแนวนี้ให้เยอะขึ้นอีกสะจริงๆ

ปล. ฉากแนะนำคือฉากที่อาจารณ์ยิปฯ “ขอ 10 คน” ที่มันส์และสะใจมากๆ ใครดูแล้วก็คงจะรู้นะครับว่าสุดๆแค่ไหนฉากนี้ อารมณ์มันแบบว่าใช่เลย




13.Let the Right One In


สร้างจากนิยายขายดีที่ดังไปทั่วสวีเดนและสร้างชื่อด้วยการได้รับตำแหน่งภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมจากสมาคมนักวิจารณ์ทั่วสหรัฐฯ ถึงกว่า 20 สถาบัน ตัวหนังโดดเด่นในเรื่องของเนื้อหาที่เอาความสยองแบบแวมไพร์ ผสมเข้าด้วยกับความโรแมนติกที่ลงตัว ทั้งหนังยังได้สร้าง “นิยาม” ใหม่ของหนังสยองขวัญ-โรแมนติกไปแล้ว ตัวละคร ออสการ์ และ เอลี่ แสดงให้เห็นถึงโลกของความเหงาที่เสียดแทงไปถึงที่ที่ลึกที่สุดในหัวใจครับ หนังเรื่องนี้บางส่วนทำให้ผมนึกไปถึงหนังแวมไพร์ที่ชอบที่สุดอย่าง Interview With The Vampire ได้ในเรื่องของแวมไพร์อารมณ์มนุษย์ และทำให้แทบจะลืมหนังหนังโรแมนติกแวมไพร์ขวัญใจสาวๆอย่าง Twilight ไปเลยทีเดียว

ปล. .Let the Right One In ทำให้ได้ตระหนักว่า “ความเหงา” เป็นสิ่งที่น่ากลัวและมันจะยิ่งทวีความร้ายแรงมากขึ้นถ้าชีวิตเราไร้ “ใครสักคน” ที่จะมาเข้าใจ




14.Terminator Salvation


เป็นการกลับมาของหนังแอคชั่น – ไซไฟ ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในโลกภาพยนตร์ เพื่อตอกย้ำว่าเรื่องราวของหุ่นยนต์เหล็ก กับ ชายหนุ่มที่ชื่อ John Connor นั้นยังไม่ล้าสมัยและยังเป็นที่รอคอยของแฟนหนังทั่วโลก แม้ในแง่ของรายละเอียดของตัวหนังแล้วยังคงมีข้อผิดพลาดอยู่บ้างก็ตามโดยเฉพาะในเรื่องของบท แต่นอกจากฉากแอกชั่นมันส์ๆแล้ว งานนี้ยังมีเซอร์ไพร์กับการปรากฏตัวบนจอของ “Arnold Schwarzenegger” และรายละเอียดปลีกย่อยบางอย่างที่หนังภาคนี้ แสดงความเคารพต่อหนังคนเหล็กสองภาคแรกครับ

ปล.เป็นหนังเพียงเรื่องเดียวในครึ่งปีแรกนี้ที่ไปดูในโรงฯถึง 2 รอบ (รอบสื่อฯ กับ รอบปกติเมื่อหนังเข้าฉาย)




15.Drag Me to Hell


Sam Raimi เจ้าของตำนานหนังผีไตรภาค Evil Dead กลับมากำกับแนวหนังที่ตนถนัดและชื่นชอบในรอบเกือบ 20 ปี ! ตัวหนังทั้งฮา สยองขวัญ และมีลูกเล่นอยู่ตลอดทั้งเรื่อง พร้อมนางเอก “Alison Lohman” ที่โชว์เดี่ยวทั้งเรื่อง !! โหด มันส์ ฮา สมการรอคอยจริงๆ

“เป็นหนังสยองขวัญที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในรอบหลายปีที่ผ่านมา” เพราะนอกจากมันจะเต็มไปด้วยความ "สยอง"ที่พร้อมให้คุณหลอนจนเก็บไปฝันร้ายหรือ สะดุ้งสุดตัวแล้ว ตัวหนังยังแฝงไปด้วย “ความบันเทิงระดับสุดยอด” ไว้อย่างร้ายกาจ ที่เชื่อเลยว่าถ้าไม่ใช่คนที่ชื่อ Sam Raimi ก็คงไม่มีใครทำได้ และจะมีหนังสยองขวัญสักกี่เรื่องที่ทำให้คุณรู้สึกตกนรกเหมือนกับนางเอกของเรื่อง จริงๆและรู้สึกสนุกเต็มอิ่มหลังหนังจบอย่าง Drag Me to Hell !!!! 




16.Gran Torino


Walt Kowalski เป็นชายวัย 80 กว่าๆที่เพิ่งสูญเสียภรรยาอันเป็นที่รักไป เขาเป็นชายที่ไม่ค่อยสนิทกับครอบครัวของลูกๆทั้งสองมากนัก นอกจากนนี้ยังเป็นพวกตาแก่หัวโบราญ หัวแข็ง และไม่เปิดรับอะไรที่เป็นปัจจุบันเลย สิ่งเดียวที่มีค่ากับเขาหลังภรรยาจากไปก็คือรถฟอร์ดรุ่น แกรน โทริโน ปี 1972 เป็นสมบัติล้ำค่า จนกระทั้งการมาของครอบครัวเพื่อนบ้านชาวม้งที่จะเปลี่ยนชีวิตของ Walt ไปในทางที่ไม่มีใครคาดคิด !!

สุดยอด และ ตรึงอารมณ์ อย่างไม่ต้องบรรยายอะไรมาก ! ผู้กำกับ และนักแสดงรุ่นเดอะ “Clint Eastwood”เพิ่งจะทำให้ผมตะลึงไปหลายวันจากผลงานก่อนหน้านี้อย่างงานกำกับ Changeling (2008) ซึ่งส่วนตัวก็ค่อนข้างจะชอบในเรื่องนั้นอยู่พอควร แต่เมื่อเทียบกับ Gran Torino แล้ว ผมว่าหลายส่วนในหนังเรื่องนี้ถูกสื่อออกมาอย่างชัดเจนทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมไปถึงการแสดงของปู่ Clint เองที่ยอดเยี่ยมและสมบทบาทไม่เปลี่ยน (ชอบหน้ากับเสียงปู่แกมาก เท่สุดๆไปเลย) โดยเฉพาะตัวละครเอกอย่าง Walt Kowalski ที่โดดเด่นน่ารังเกลียด และก็น่าเห็นใจในเวลาเดียวกัน รวมไปถึงบทสรุปสุดท้ายที่หนังเลือกที่จะแตกต่างจากที่คิดไว้พอสมควร ถึงจะแก่แต่ฝีมือไม่ตกเลยจริงๆปุ่ Clint 




17.He's Just Not That Into You


ส่วนตัวแล้วหนังโรแมนติกสไตล์มีตัวละครหลายๆคู่นั้น ผมมักจะพบว่าหลังดูจบจะมีเพียงคู่หรือมากสุดสองคู่เท่านั้นที่ชอบที่สุด (อาทิ Love Actually , Paris , Je t'aime และ ปิดเทอมใหญ่ฯ) แต่กับ He's Just Not That Into You นั้น ผมกลับชื่นชอบในทุกๆคู่รักในเรื่อง เพราะนอกจากตัวละครแต่ละตัวจะมีบุคลิกเด่นชัดแล้ว ยังล้วนดูมี “เสน่ห์” เป็นอย่างยิ่ง บวกกับพลังการแสดงของดาราแต่ละคนที่ก็ช่างดึงดูดสะจริงๆ นับเป็นหนังรักหลากคู่เรื่องแรกครับที่ทำให้รู้สึกแบบนี้

ปล. คู่ของAlex (Justin Long) กับ Gigi (Ginnifer Goodwin)น่ารักสุดๆไปเลย ให้ตายเหอะ !!




18.Frost / Nixon


เป็นหนังที่บ้านเราจับลงแผ่นเลยทั้งๆที่เกือบจะได้ฉายในโรงฯแล้วแท้ๆ เรื่องราวการสัมภาษณ์อดีตผู้นำของสหรัฐอเมริกาที่อื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์นาม Richard Nixon ในฤดูร้อนปี 1977 โดยมี David Frost พิธีกรรายการโทรทัศน์ที่กำลังมาแรงในเวลาเป็นผู้ดำเนินรายการ ในรายการสัมภาษณ์ที่มีผู้ชมมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการโทรทัศน์ !! นักแสดงทั้ง “Frank Langella” และ “Michael Sheen” และนักแสดงสมบทอื่นๆล้วนฝากฝีมือการแสดงที่น่าจดจำทั้งสิ้น โดยเฉพาะในส่วนของสองรายแรก ผู้กำกับ “Ron Howard” ทำให้เรื่องราวของการชิงไหวชิงพริบครั้งนี้น่าติดตามตลอดการชม ตัวหนังดูสนุกกว่าที่คิดมาก (ตอนแรกคิดว่าคงดูไปหลับไปแน่ๆ)

ปล. ฉากไฮไลท์ของเรื่องยิ่งดูขนลุกยื่งขึ้น เมื่อเปิดไปดูเทียบกับภาพเหตุการณ์จริงที่แถมมาในแผ่น DVD ผู้สร้างและนักแสดงใส่ใจกันทุกรายละเอียดจริงๆ



19.Up


แอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจากดิสนีย์-พิกซ่าร์ แอนิเมชั่น สตูดิโอ ที่ไม่ทำให้ผิดหวังครับ นอกจากความบันเทิงแล้ว ปู่"คาร์ล เฟรดริกเซน" เจ้าของบ้านลูกโป่งลอยฟ้า กับ 'รัสเซล' ลูกเสือวัย 9 ขวบ ยังทำให้เรานึกถึงอะไรที่เราเคยมองข้ามไปในชีวิตอีกหลายเรื่องเลยทีเดียว พร้อมกับบอกว่า “ไม่มีการผจญภัยใดในโลกที่ทำให้เราตื่นเต้น สนุกไปกับมัน ได้เท่าชีวิตอีกแล้ว” 




20.Transformers: Revenge of the Fallen


“สุโค่ย ~~~”

ตัวหนังมาพร้อม “ความบันเทิง” ที่มากกว่าภาคแรกหลายเท่าตัว รวมไปถึงสเปเชี่ยวเอฟเฟ็กขั้นเทพในการออกแบบหุ่นยนต์รูปแบบต่างๆกว่า 50 ตัว,ฉากการต่อสู้ระหว่าง “ออโต้บอทส์”กับ“ดีเซปติคอนส์”อันดุดันที่กระจายอยู่ตลอดทั้งเรื่อง นี่ยังไม่รวมการสร้างสรรค์ฉากแอกชั่นวินาศสันตะโรจำนวนมากที่สุดที่หนังเรื่องหนึ่งจะมีได้ ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้ผู้ชมอะดรีนาลีนสูบฉีดไม่เป็นจังหวะบวกกับนักแสดงที่มีสีสัน กล้องมุมเหวี่ยง ดนตรีประกอบ และ มุขตลก ที่รองรับตัวหนังได้เป็นอย่างดี ทุกๆข้อดีที่หนังภาคแรกได้ทำไว้ ถูกทำให้ออกมาดียิ่งขึ้นไปอีกในภาคที่สองนี้! แต่น่าเสียดายที่ข้อเสียที่มีอยู่ในภาคแรกกลับไม่ได้ถูกปรับให้ดีขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะเรื่องของฉากจบที่ยังรวบรัดตัดอารมณ์เช่นเคย และ “ตัวบท” ที่ดูยัดเยียดไปหน่อย 

ผู้กำกับ “Michael Bay” งัดเครื่องหมายการค้าทุกอย่างที่อยู่ในตัวเขาแสดงออกมาเต็มที่ชนิดไม่มีกั๊กในหนังเรื่องนี้ และขอบอกในฐานะคอหนังที่โตมากับหนังของนาย Bay คนนี้เลยว่า “Revenge of the Fallen อาจจะไม่ใช่หนังที่ ‘ดีที่สุด’ แต่มันคือหนังที่อลังการงานสร้างและ ‘มันส์’ ที่สุดของ Michael Bay” อย่างไม่ต้องสงสัย ! ถือเป็นหนังที่มันส์สะใจปิดท้ายครึ่งปีแรก 2009 อย่างยิ่งใหญ่จริงๆครับ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น